สวนปัสสาวะคืออะไร?
การสวนปัสสาวะ หมายถึง การสอดใส่สายสวน ผ่านทางท่อปัสสาวะเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ เพื่อระบายปัสสาวะออกสู่ภายนอก ทำให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
ทำไมต้องสวนปัสสาวะ?
-
เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะยืดมากเกินไปซึ่งจะสูญเสียแรงบีบตัว
-
ลดจำนวนปัสสาวะที่เหลือค้าง เพื่อป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
-
ปัสสาวะไม่ล้นซึม
-
มีสุขภาพกายและใจดีขึ้น เมื่อไม่ต้องมีสายสวนคาอยู่ตลอดเวลา
อุปกรณ์มีอะไรบ้าง?
-
สายสวนปัสสาวะ
-
น้ำยาฆ่าเชื้อ สำหรับแช่สายสวนและทำความสะอาดรูเปิดท่อปัสสาวะ
-
สำลีก้อน สำหรับชุบน้ำยาทำความสะอาดรูเปิดท่อปัสสาวะ
-
สารหล่อลื่นสายสวนปัสสาวะ
-
สบู่ล้างมือ ผ้าเช็ดมือ หรือกระดาษชำระ
-
ภาชนะสำหรับใส่สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น ชามกลมหรือชามรูปไต
-
ภาชนะตวงปัสสาวะ
วิธีการสวนปัสสาวะทำอย่างไร?
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือ การล้างมือให้สะอาดและทำความสะอาดอวัยวะเพศก่อนการสวนปัสสาวะทุกครั้ง
1. ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่แล้วเช็ดมือให้แห้ง เพื่อลดการติดเชื้อ
2. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม โดย
-
นำสายสวนปัสสาวะที่แช่น้ำยาฆ่าเชื้อไว้แล้ว ล้างด้วยน้ำต้มสุกเย็นแล้ว โดยให้ผ่านรูด้านในสายสวนด้วย
-
เทน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนสำลีในชามกลม พอให้สำลีเปียกชุ่ม
-
บีบสารหล่อลื่นลงในชามกลม
3. จัดท่าให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถมองเห็นรูเปิดของท่อปัสสาวะได้ชัดเจน
กรณีผู้ป่วยสวนปัสสาวะด้วยตนเอง ท่านั่ง
-
ให้นั่งบนชักโครกหรือเก้าอี้ หรือพิงผนัง จากนั้นแยกขาทั้งสองข้าง แล้วใช้กระจกตั้งเอนไว้ข้างหน้า จัดให้มองเห็นรูเปิดท่อปัสสาวะ
กรณีผู้ป่วยสวนปัสสาวะด้วยตนเอง ท่ายืน
-
ให้ยกขาข้างหนึ่งแล้วงอเข่า วางเท้าไว้บนฝาชักโครกหรือเก้าอี้ โดยวางกระจกไว้ด้านล่าง
กรณี มีผู้อื่นสวนปัสสาวะให้
-
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนหงายชันเข่า วางส้นเท้าชิดกัน โดยเท้าทั้งสองข้างห่างกันประมาณ 2 ฟุต
-
ผู้สวนปัสสาวะให้ถ้าถนัดมือขวา ควรเข้าข้างขวาของผู้ป่วย ถ้าถนัดมือซ้าย ควรเข้าข้างซ้ายของผู้ป่วย เพื่อความสะดวกในการใส่สายสวนปัสสาวะ
4. ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่แล้วเช็ดมือให้แห้งอีกครั้ง
5. หยิบสายสวนปัสสาวะ ทาปลายสายด้วยสารหล่อลื่นยาวประมาณ 1-2 นิ้ว แล้ววางสายไว้ในชามกลมใบที่ใส่สารหล่อลื่น
6. ยกชามกลมใบที่ใส่สายสวนปัสสาวะมาวางไว้บริเวณใกล้ตัวผู้ป่วย
7. ทำความสะอาดอวัยวะเพศ โดย
-
ใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือข้างที่ไม่ถนัด แหวกอวัยวะเพศและยกขึ้น ให้เห็นรูเปิดของท่อปัสสาวะ
-
ใช้มืออีกข้างหยิบสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อ เช็ดตรงรูเปิดของท่อปัสสาวะ โดยเช็ดจากบนลงล่างทีเดียวแล้วทิ้ง ห้ามเช็ดย้อนไปมา ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้ง และอย่าพึ่งปล่อยมือที่แหวกออก
8. ใช้มือข้างที่ถนัดจับสายสวนปัสสาวะ โดยให้ปลายสายอีกข้างหนึ่งวางไว้ในชามกลม แล้วค่อยๆสอดสายสวนปัสสาวะเข้าไปในรูเปิดของท่อปัสสาวะ ประมาณ 2-3 นิ้ว จะมีปัสสาวะไหลลงสู่ชามกลม จากนั้นให้ค่อยๆดันสายเข้าไปอีกประมาณ 1นิ้ว
-
ใช้มือที่แหวกอวัยวะเพศ เลื่อนมาจับสายสวนปัสสาวะไว้ให้อยู่กับที่
* จำไว้ว่า มือที่จับอวัยวะเพศแล้ว ไม่สะอาดอีกต่อไป ห้าม! นำมาจับสายสวน จนกว่าจะถึงขั้นตอนที่ต้องเลื่อนมือมาจับสายสวนปัสสาวะได้
-
เมื่อปัสสาวะหยุดไหล ค่อยๆดึงสายสวนปัสสาวะออก ขณะดึงออกถ้ามีปัสสาวะไหลออกมา ให้จับสายสวนปัสสาวะคาไว้ที่เดิม รอจนกระทั่งไม่มีปัสสาวะแล้ว จึงดึงสายสวนออกมาวางไว้ในชามกลม
ข้อพึงระวัง.. ถ้าไม่มีปัสสาวะไหลออกมาภายใน 1-2 นาที ให้ตรวจสอบดูว่าปลายสายเข้าไปในช่องคลอดหรือไม่ ถ้าใช่ ให้ถอดสายออกและทำการสวนปัสสาวะด้วยสายสวนเส้นใหม่ หรือนำเส้นเก่าไปแช่น้ำยาฆ่าเชื้อก่อนประมาณ 30 นาที
9. ล้างอุปกรณ์และสายสวนปัสสาวะด้วยสบู่ โดยให้น้ำผ่านรูด้านในสายสวนด้วย เช็ดให้แห้งแล้วแช่ไว้ในหลอดที่ใส่น้ำยาฆ่าเชื้อไว้แล้ว
10. สังเกตสี กลิ่น ความใสของปัสสาวะและจดบันทึกจำนวนปัสสาวะไว้รายงานแพทย์เมื่อกลับมาตรวจในครั้งต่อไป
อาการที่ควรมาก่อนนัด
-
สังเกตสีและปริมาณของปัสสาวะ ถ้าปัสสาวะมีสี่ขุนเป็นหนอง มีตะกอน มีเลือดปน หรือปริมาณปัสสาวะออกน้อยกว่าปกติ
-
เมื่อรู้สึกมีไข้ ตัวร้อน
-
มีอาการปวด บวม แดง ร้อน หรือมีหนองบริเวณอวัยวะเพศ
ข้อควรจำ
อย่าลืม! ทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดก่อนสวนปัสสาวะทุกครั้ง
-
ควรล้างมือด้วยน้ำและสบู่ โดยฟอกที่ฝ่ามือ หลังมือ ซอกนิ้ว ปลายนิ้วและเล็บให้ทั่ว
-
น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น เซฟลอนเข้มข้น(savlon) 1 ส่วน ผสมน้ำต้มสุกเย็นแล้ว 100 ส่วน และน้ำยาที่ผสมแล้วนี้ มีอายุการใช้งาน 1 สัปดาห์ แต่น้ำยาฆ่าเชื้อที่อยู่ในหลอดบรรจุสายสวนปัสสาวะ มีอายุใช้งาน 1 วัน
-
วิธีการแช่สายสวนปัสสาวะในหลอดบรรจุ ให้จุ่มสายสวนปัสสาวะลงไปในหลอดจนเกือบสุด จากนั้นให้ปิดจุก….. ถ้าปิดจุกก่อนนำไปใส่ในหลอด จะทำให้น้ำยาฆ่าเชื้อไม่เช้าไปภายในสาย
-
ภาชนะที่ใช้สำหรับใส่น้ำยาฆ่าเชื้อและสารหล่อลื่น อาจเป็นสแตนเลส พลาสติก หรือสังกะสี ฯลฯ
-
ขณะจับสายสวนปัสสาวะ ระวัง! สายสัมผัสกับสิ่งอื่นๆ
-
ควรสวนปัสสาวะทุก 4-6 ชั่วโมง โดยจดจำนวนปัสสาวะที่สวนได้ไว้ในแบบบันทึกการสวนปัสสาวะ (IC form) เพื่อรายงานแพทย์เมื่อกลับมาตรวจในครั้งต่อไป
ห้าม! หยุดสวนปัสสาวะเอง เด็ดขาด
แบบบันทึกการสวนปัสสาวะ (IC form)
ชื่อ …………..………………………………………………………………….. อายุ ………….. ปี HN……………………………………

หมายเหตุ
-
เมื่อถ่ายปัสสาวะได้เองในแต่ละครั้ง โปรดตวงและบันทึกปริมาณในช่อง 2 ให้ตรงกับช่วงเวลาในช่อง 1
-
เมื่อสวนปัสสาวะตามกำหนด ให้ตวงและบันทึกจำนวนที่สวนได้ลงในช่อง 3
-
ถ้าท่านมีปัสสาวะเล็ดราด ให้กาเครื่องหมาย / ลงในช่อง 4
-
ถ้าถ่ายปัสสาวะเองหรือมีปัสสาวะเล็ดในช่วงนั้นมากกว่า 1 ครั้ง ให้กาเครื่องหมายเพิ่มทุกครั้ง
โปรดทราบ… ถ้าท่านสวนปัสสาวะได้ถูกวิธี
โอกาสท่านจะติดเชื้อ… จะน้อยกว่าคาสายสวนปัสสาวะไว้ตลอดเวลา…
นะจะบอกให้
หากท่านมีปัญหา ปรึกษาได้ที่ 02-2565328
ในวันและเวลาราชการ